Main Web Site http://gbrick.blogspot.com/
ความเป็นมา
อิฐดินเผา (clay brick) [2] เป็นวัสดุในการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือนและโครงสร้างต่าง ๆ
เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยและวัดวาอาราม ปราสาท ราชวัง นับตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน อิฐเป็นวัสดุ ก่อสร้างที่มีบทบาทสำคัญการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือน โดยเป็นส่วนประกอบของผนังก่ออิฐฉาบ ปูน
อิฐมอญเป็นวัสดุก่อสร้างที่มนุษย์รู้จักนำวัสดุจากธรรมชาติมาทำเป็นก้อนใช้ในการก่อสร้าง มานับพัน ๆ ปีมาแล้ว การใช้อิฐครั้งแรกนั้นใช้ในสมัยอียิปต์โบราณ ในสมัยนั้นใช้โคลนในแม่น้ำ ไนล์มาย่ำและปั้นให้เป็นก้อนตามขนาดที่ต้องการแล้วนำไปตากแดดให้แห้งโดยมิได้มีการเผาให้สก อิฐชนิดนี้ใช้ในการก่อกำแพงของอาคารบางประเภทและเนื่องจากภูมิประเทศในแถบนั้นในปีหนึ่งๆ ฝนตกน้อยมากหรือบางครั้งไม่ตกเป็นปี ๆ ก็มี จึงไม่มีปัญหาในเรื่องอิฐละลายเพราะน้ำฝนชะล้าง ออก จากการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ พบว่าในที่ฝังศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณที่อยู่ใต้พีระมิดนั้น มีการใช้อิฐเผาเคลือบสีกรุผนังบางตอน ุ
พวกชาวบาบิโลเนียซึ่งมีในแถบลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟติสซึ่งมีฝนตกมากได้ทำอิฐที่เผา ไฟสุกแล้วใช้ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ มากมาย ในสมัยต่อ ๆ มาก็มีการใช้อิฐเป็นวัสดุก่อสร้าง มากขึ้นทั้งในยุโรป อเมริกาและเอเชียซึ่งรวมทั้งไทยด้วย
อิฐหากถามว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อไร[1] และใครเป็นคนแรกที่คิดค้นเพื่อใช้ในงานก่อสร้างนั้น คงเป็นคำตอบที่ลำบาก หากแต่มีหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า มีซากสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ ตั้งแต่ อาณาจักรลพบุรี ซึ่งเป็นสมัยที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1100 และคนสมัยปัจจุบันพากันเรียกว่า “ขอม” ทำขึ้นโดยใช้อิฐเรียงซ้อนทับกันเป็นโครงสร้าง อิฐที่ ทำขึ้นในสมัยปัจจุบันมีลักษณะแบน กว้าง ผิวเรียบ แต่อาจจะเป็นด้วยการทำอิฐมีกรรมวิธียุ่งยาก ซับซ้อนมาก จึงทำให้ชนชาติขอมเปลี่ยนมาใช้ศิลาแลง และหินทรายในการก่อสร้างอาคารและ สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในยุคต่อมา
ประมาณปี พ.ศ. 1300 อาณาจักรทวาราวดีซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ แม่น้ำเจ้าพระยาก็ได้มีการผลิตอิฐใช้ในการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือนของตนเช่นกัน อิฐของ อาณาจักรทวาราวดีมีขนาดใหญ่มาก ค่อนข้างแบน สีหมากสุกเพราะเกิดจากการเผา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น